top of page

Trick & Tips การศึกษาแบบภาคตัดขวาง (Cross Sectional Study)

ree

การศึกษาแบบภาคตัดขวาง (Cross-Sectional Study) หรือการศึกษาความชุกของโรค (Prevalence Study) เป็นการศึกษาเชิงสังเกต กล่าวคือผู้ที่ทำการศึกษาไม่ได้ให้/กำหนดปัจจัยลงไปในกลุ่มประชากร

ที่ศึกษา ซึ่งการได้รับ/ไม่ได้รับปัจจัยใดๆ จะเกิดจากพฤติกรรมหรือเป็นสิ่งที่ติดตัวมากับผู้ที่ถูกศึกษาเอง

ทั้งนี้ผู้วิจัยเพียงแต่ทำการรวบรวมข้อมูล และสังเกตปัจจัยต่างๆ พร้อมกับการเกิดโรค/ปัญหาของประชากร

ที่ถูกศึกษา (Outcome) ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ต่อไป

การวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาแบบ Cross-Sectional Study

Descriptive Study : การวิเคราะห์สถานการณ์ทางสุขภาพเท่านั้น เช่น ความชุกของปัญหาในขณะนั้น

Analytical Study : การทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยหนึ่งๆ และการเกิดโรค

***ข้อจำกัดของการศึกษาแบบ Cross-Sectional Study คือ ผลของการวิเคราะห์ข้อมูลจะไม่สามารถแสดงสาเหตุของการเกิดโรคที่ศึกษาได้อย่างแท้จริง บอกได้เพียงว่าปัจจัยใดน่าจะเป็นสาเหตุ เพราะฉะนั้นการสรุปการศึกษาประเภทนี้ค่อนข้างเชื่อถือได้น้อยที่จะใช้ในการยืนยันถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยและการเกิดโรค


เเผนภาพเเสดงรูปเเบบการศึกษาเเบบภาคตัดขวาง (Cross-Sectional Study)
เเผนภาพเเสดงรูปเเบบการศึกษาเเบบภาคตัดขวาง (Cross-Sectional Study)

รูปแบบการวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาแบบ Cross-Sectional Study

ตัวอย่าง การสำรวจตัวอย่างผู้ที่ประกอบอาชีพในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของอาการปวดศีรษะกับการสัมผัสหมอกควันสารเคมีขณะทำงาน จำนวน 1,000 คน เมื่อปัจจัยและการเกิดโรคที่สนใจศึกษาคือ การสัมผัสหมอกควัน และอาการปวดศีรษะตามลำดับ ดังแสดงข้อมูลรายละเอียดในตาราง

ree

การคำนวณเเละนำเสนอทางสถิติ ดังนี้

Prevalence Rate = (a+c)/n = (10+50)/1,000 = 0.06 หรือ 6%

Prevalence rate in exposed group = a/(a+b) = 10/(10+90) = 0.1 หรือ 10%

Prevalence rate in unexposed group = c/(c+d) = 50/(50+850) = 0.056 =5.6%

Exposure Rate = (a+b)/n = (10+90)/1,000 = 0.1 = 10%

Exposure rate in disease group = a/(a+c) = 10/(10+50) = 0.167 =16.7%

Exposure rate in non-disease group = b/(b+d) = 90/(90+850) = 0.096 =9.6%

Odds ratio = ad/bc = 10(850)/90(50) =1.89 -> การสัมผัสหมอกควันสารเคมีขณะทำงานเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดศีรษะป็น 1.89 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้สัมผัสหมอกควัน


ที่มา;

สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. (2567). เอกสารประกอบการสอนชุดวิชาวิทยาการระบาดในงานสาธารณสุข (พิมพ์ครั้งที่ 4). โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

**********************************************************************************

ณัฐ นนทเกียรติกุล

นักวิชาการสถิติ

Trick & Tips 11/2568

ความคิดเห็น


bottom of page